พระราชประวัติสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ
สมเด็จพระมหาจักรพรรดิ พระราชโอรสในสมเด็จพระรามาธิบดีที่ ๒ มีพระนามเดิมว่า “ พระเฑียรราชา ” พระอนุชาต่างพระชนนีในสมเด็จพระชัยราชาธิราช เสด็จพระราชสมภพในปีพุทธศักราช ๒๐๕๕ มีพระสกุลยศเดิม คือ “ สมเด็จพระหน่อเยาวราช ” ด้วยพระองค์ประสูติจากพระสนมเอก ครั้นสมเด็จพระชัยราชาธิราช เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติ จึงสถาปนาพระเฑียรราชาเป็น “ พระมหาอุปราช ” เมื่อสมเด็จพระชัยราชาธิราชจะเสด็จสวรรคต จึงสถาปนาให้ดำรงตำแหน่งผู้สำเร็จราชการแผ่นดินและพระอภิบาลในสมเด็จพระยอดฟ้าราชกุมาร พระเฑียรราชาได้เสด็จออกผนวช ณ วัดราชประดิษฐาน ด้วยเกรงว่าท้าวศรีสุดาจันทร์จะปลดพระชนม์ชีพ เมื่อขุนพิเรนทรเทพและคณะ ได้จับขุนวรวงศาธิราชกับท้าวศรีสุดาจันทร์ สำเร็จโทษแล้ว จึงได้กราบบังคมทูลเชิญให้ลาผนวช และเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติ ในปีพุทธศักราช ๒๐๙๑ เมื่อเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติแล้ว มีพระนามว่า “ สมเด็จพระมหาจักรพรรดิ ” แล้วทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้สถาปนา “ พระสุริโยทัย ” เป็นสมเด็จพระอัครมเหสี มีพระนามว่า “ สมเด็จพระศรีสุริโยทัย ” สมเด็จพระมหาจักรพรรดิกับสมเด็จพระศรีสุริโยทัย ทรงมีพระราชโอรสกับพระราชธิดารวม ๕ พระองค์ ดังรายพระนาม• สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ พระราเมศวร• สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ พระมหินทร์• สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ พระสวัสดิราช• สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ พระเทพกษัตรี• สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ พระบรมดิลกแล้วสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ จึงพระราชทานบำเหน็จ แก่ผู้มีวคามชอบ พระราชดำรัสความว่า“ ... ขุนพิเรนทรเทพ ขุนอินทรเทพ หมื่นราชเสน่หา หลวงศรียศ บ้านลานตากฟ้า ทั้ง ๔ ผู้มีชื่อนี้เป็นปฐมทิศ เอาชีวิตและโคตร แลกความชอบไว้ในแผ่นดิน บำเหน็จใดก็น้อยนัก มิสมกับความชอบที่กระทำขุนพิเรนทรเทพ เหล่า บิดาเป็นราชวงศ์พระร่วง มารดาไซร้เป็นราชวงศ์แห่งสมเด็จพระชัยราชาธิราชเจ้าขุนพิเรนทรเทพ ปฐมทิศ เจ้าจงเข้ามาหาข้า ข้าขอสถาปนาเจ้าเป็น “ พระมหาธรรมราชาธิราชเจ้า ” ครองเมืองพิษณุโลก สองแคว พระสวัสดิราช เจ้าจงเข้ามาประทับเคียงข้าง พระธรรมราชาธิราชเจ้า ข้าขอสถาปนาพระสวัสดิราช ขึ้นเป็น “ พระวิสุทธิกระษัตรี ” รั้งตำแหน่งพระอัครมเหสี เมืองพิษณุโลกข้าขอสถาปนาขุนอินทรเทพ ขึ้นเป็น “ เจ้าพระยาศรีธรรมาโศกราช ” ครองเมืองนครศรีธรรมราชข้าขอสถาปนาหลวงศรียศ บ้านลานตากฟ้า เป็น “ เจ้าพระยามหาเสนาบดี ”ข้าขอสถาปนาหมื่นราชเสน่หา นอกราชการ เป็น “ พระยาภักดีนุชิต ”ข้าขอประกาศต่อเทพยุดา ฟ้าดิน จงเป็นองค์พยานช่วยดู แต่นี้สืบไปเบื้องหน้า อิสเจ้าแผ่นดินผู้ครอง ซึ่งราชสมบัติกรุงอโยธยา ศรีรามเทพนคร พระองค์ใดกระทำร้ายแก่ญาติ พี่น้อง พวกพงษ์ สมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราชเจ้า แลเจ้าพระยาศรีธรรมาโศกราช แลเจ้าพระยามหาเสนาบดี แลพระยาภักดีนุชิต ให้โลหิตตกต้องแผ่นพื้นพสุธาแล้วไซร้ ให้นับว่าเจ้าแผ่นดินผู้นั้น ผิดต่อโองการประกาศฟ้าดินแห่งเรา ขอผู้ทรงภพนั้น จงอย่าคงอยู่ได้ในมหาเศวตฉัตร องค์เทพยุดา คนมีชื่อ หรือ ช่วยช่วยลงธรรม์ ให้ตายใน ๓ วัน ให้ทันใน ๓ เดือน อย่าให้เคลื่อนใน ๓ ปี อย่าให้มีสุขสวัสดิ์ ชั่วกาลนานเทอญ ... ”ทั้งนี้ทรงสถาปนาพระยาพิชัย เป็น “ เจ้าพระยาพิชัย ” สถาปนาพระยาสวรรคโลก เป็น “ เจ้าพระยาสวรรคโลก ” ด้วยสมเด็จพระมหาจักรพรรดิขึ้นครองราชสมบัติได้ ๗ เดือน พระเจ้าตะเบงชะเวตี้ ทรงทราบว่า ทางกรุงศรีอยุธยาผลัดเปลี่ยนแผ่นดิน เห็นเป็นโอกาสที่จะแผ่อำนาจมายังกรุงศรีอยุธยา จึงยกทัพใหญ่มาทางเมืองกาญจนบุรี ตั้งค่ายหลวงที่ตำบลกุ่มดอง ทัพพระมหาอุปราชา ตั้งที่เพนียด ทัพพระเจ้าแปรตั้งที่บ้านใหม่มะขามหย่อง ทัพพระยาพะสิม ตั้งอยู่ที่ตำบลทุ่งวรเชษฐรุ่งเช้า วันอาทิตย์ ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๔ สมเด็จพระมหาจักรพรรดิ พร้อมด้วยสมเด็จพระศรีสุริโยทัย สมเด็จพระราเมศวร พระมหินทร์ เสด็จออกไปดูลาดเลากำลังศึก ณ ทุ่งภูเขาทองครั้งนั้น พระเจ้าแปรนำทัพ เข้ากระทำยุทธหัตถีกับสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ จนช้างพระที่นั่งของสมเด็จพระมหาจักรพรรดิเสียที สมเด็จพระศรีสุริโยทัยจึงทรงไสช้างเข้าขวางช้างข้าศึก เพื่อปก ป้องสมเด็จพระมหาจักรพรรด แต่ช้างพระที่นั่งเสียที พระเจ้าแปรจึงได้โอกาสฟันด้วยของ้าว จนสมเด็จพระศรีสุริโยทัยสิ้นพระชนม์บนคอช้าง สมเด็จพระราเมศวรกับพระมหินทร์ ได้ขับช้างเข้ากันพระศพกลับเข้าพระนครศรีอยุธยาสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ จึงให้นำปืนใหญ่นารายณ์สังหาร ลงเรือสำเภาแล่นไปตามลำน้ำโจมตีข้าศึกที่ตั้งล้อมกรุงศรีอยุธยาอยู่ จนฝ่ายพม่าล้มตายเป็นอันมาก อีกทั้งทางฝ่ายพม่าได้ข่าวว่า มีกองทัพสมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราชมาสนับสนุน จึงยกทัพกลับทางด่านแม่ละเมา กองทัพของสมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราชกับสมเด็จพระราเมศวร ไล่ตามไปจนเกือบถึงเมืองกำแพงเพชร ฝ่ายพม่าทำอุบายซุ่มกำลังไว้ทั้ง ๒ ข้างทาง พอกองทัพอยุธยาถลำเข้าไป จึงเข้าล้อมจับสมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราชกับสมเด็จพระราเมศวร สมเด็จพระมหาจักรพรรดิต้องทรงขอหย่าศึก และไถ่ตัวคืนโดยแลกกับช้างชนะงา ๒ เชือกปีพุทธศักราช ๒๐๙๒ ถึง ๒๑๐๖ สมเด็จพระมหาจักรพรรดิ โปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ปรับปรุงกิจการทหาร และเสริมสร้างบ้านเมืองให้มั่นคงแข็งแรงกว่าเดิม ยุทธศาสตร์ในการป้องกัน คือ• ใช้พระนครศรีอยุธยาเป็นที่มั่น• โปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้รื้อป้อมปราการตามหัวเมือง ไม่ให้ข้าศึกอาศัยเป็นที่ตั้งมั่น• สร้างกำแพงกรุงศรีอยุธยาด้วยการก่ออิฐถือปูน• ขุดคลองมหานาคเป็นคูเมืองออกไปถึงชายทุ่งภูเขาทอง• โปรดให้สำรวจบัญชีสำมะโนครัว ตามหัวเมืองในเขตชั้นในทุกหัวเมือง ทำให้ทราบจำนวนชายฉกรรจ์ที่สามารถทำการรบได้• โปรดให้สะสมอาวุธยุทธภัณฑ์ พาหนะทั้งทางบก และทางน้ำเพื่อใช้ในสงคราม• โปรดให้จับม้าและช้างเข้ามาใช้ในราชการ จนสามารถจับช้างเผือกได้ ๗ เชือก จึงได้รับขนานพระนามว่า “ พระเจ้าช้างเผือก ”ต่อมาพระเจ้าเตะเบงชะเวตี้สิ้นพระชนม์ พระเจ้าบุเรงนอง จึงได้ครองราชสมบัติ เมื่อทราบเรื่องช้างเผือก จึงส่งราชทูตเชิญพระราชสาสน์มาขอพระราชทานช้างเผือก ๒ เชือกสมเด็จพระมหาจักรพรรดิทรงให้เหตุผลเชิงปฎิเสธ พระเจ้าบุเรงนองจึงถือสาเหตุนั้น ยกทัพมาตีกรุงศรีอยุธยา เมื่อปีพุทธศักราช ๒๑๐๖ ด้วยกำลังพล ๒๐๐,๐๐๐ คน โดยจัดเป็นทัพกษัตริย์ ๖ ทัพ ได้เตรียมทัพเรือพร้อมปืนใหญ่กับจ้างชาวโปรตุเกสอาสาสมัคร ๔๐๐ คน เป็นทหารปืนใหญ่ ให้เมืองเชียงใหม่สนับสนุนเสบียงอาหาร โดยลำเลียงมาทางเรือ เปลี่ยนเส้นทางเดินทัพมาทางด่านแม่ละเมา เข้าตีหัวเมืองเหนือของไทยมาตามลำดับเพื่อตัดกำลังที่จะยกมาช่วยกรุงศรีอยุธยา ฝ่ายไทยเตรียมตัวป้องกันพระนครศรีอยุธยา โดยคาดว่าพม่าจะยกกำลังมาทางด่านเจดีย์สามองค์ ทำให้พระเจ้าบุเรงนองตีเมืองกำแพงเพชร เมืองสวรรคโลก เมืองสุโขทัย เมืองพิชัย และนครพิษณุโลกได้ ครั้นลงมาถึงเมืองชัยนาท กองทัพพม่าก็ได้ปะทะกับกองทัพไทยของสมเด็จพระราเมศวรฝ่ายไทยต้านทานไม่ได้ต้องถอยกลับเข้ากรุงศรีอยุธยา กองทัพพม่าได้เข้าล้อมกรุงศรีอยุธยาไว้ แล้วระดมยิงปืนใหญ่เข้าในพระนครศรีอยุธยาทุกวัน ราษฎร์ได้รับความเดือดร้อนและเสียขวัญ สมเด็จพระมหาจักรพรรดิ ต้องเสด็จไปเจรจากับพระเจ้าบุเรงนอง ที่พลับพลาบริเวณตำบลวัดพระเมรุการาม กับวัดหัสดาวาส ยอมเป็นไมตรี โดยได้มอบช้างเผือก ๔ เชือก พร้อมกับสมเด็จพระราเมศวร พระยาจักรี พระยาสุนทรสงครามเป็นตัวประกันหลังสงครามช้างเผือกสิ้นสุดลง พระมหินทร์ พระราชโอรส ได้รับการสถาปนาเป็น “ สมเด็จพระมหาอุปราช ” แทนสมเด็จพระราเมศวรพุทธศักราช ๒๑๐๗ สมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราชมีใจฝักใฝ่ฝ่ายพม่า จึงถือโอกาสมีพระเจ้าล้านช้างมีพระราชสาสน์มาถูกขอพระเทพกระษัตรี พระราชธิดาไปอภิเษกสมรสเป็นพระมเหสี นำความนั้นไปบอกแก่พระเจ้าบุเรงนอง พระเจ้าบุเรงนองจึงจัดทัพเข้าชิงองค์พระเทพกระษตรี ระหว่างเสด็จไปอาณาจักรล้านช้าง สมเด็จพระมหาจักรพรรดิทราบความจึงเสียพระทัย ได้สละราชสมบัติ แล้วเสด็จออกผนวช สมเด็จพระมหินทราธิราช พระมหาอุปราช เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติต่อจากสมเด็จพระมหาจักรพรรดิสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ ทรงครองราชสมบัติครั้งที่ ๑ รวม ๑๖ ปี
๑๘ สมเด็จพระมหินทราธิราช ( King Mahindra Dhiraj ) พุทธศักราช ๒๑๑๑ ~ ๒๑๑๒ ( ๑ ปี )
สมเด็จพระมหินทราธิราช มีพระนามเดิม “ พระมหินทร์ ” พระราชโอรสองค์ที่ ๒ ในสมเด็จพระมหาจักรพรรดิกับสมเด็จพระศรีสุริโยทัย เสด็จพระราชสมภพประมาณปีพุทธศักราช ๒๐๘๒เมื่อสิ้นสุดสงครามช้างเผือกในปีพุทธศักราช ๒๑๐๗ สมเด็จพระมหินทร์ ได้ครองราชสมบัติต่อจากสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ ที่เสด็จออกผนวชครั้นพม่ายกทัพมาตีพระนครศรีอยุธยา สมเด็จพระมหินทราธิราช ได้ทูลขอให้สมเด็จพระมหาจักรพรรดิลาผนวช มาครองราชสมบัติครั้งที่ ๒ เพื่อเตรียมรับศึกพม่าด้วยเกรงว่าสมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราช จะไปสนับสนุนพม่า สมเด็จพระ มหินทราธิราชจึงเสด็จไปนครพิษณุโลก ขณะที่สมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราชเสด็จไปเมืองพม่า เพื่อรับเอาสมเด็จพระวิสุทธิกระษัตรี พร้อมด้วยพระสุพรรณกัลยาณี พระองค์ดำ พระองค์ขาว มาอยู่ที่กรุงศรีอยุธยา เมื่อสมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราชทราบเรื่องจึงเข้ากับฝ่ายพม่าอย่างเปิดเผยต่อมาพม่าได้ยกกองทัพใหญ่ ๗ กองทัพ มีกำลัง ๕๐๐,๐๐๐ คน เดินทัพเข้ามาทางด่านแม่ละเมาเข้าล้อมกรุงศรีอยุธยาไว้ทั้ง ๔ ด้าน โดยมุ่งตีหักเข้ามาทางด้านทิศตะวันออก ซึ่งเป็นด้านที่อ่อนแอที่สุด และใช้กำลังทางเรือปิดกั้นลำน้ำทางตอนใต้ เพื่อไม่ให้ฝ่ายไทยติดต่อกับหัวเมืองทางใต้และต่างประเทศ ฝ่ายไทยได้ต่อสู้อย่างเต็มความ สามารถครั้นต่อมาสมเด็จพระมหาจักรพรรดิประชวร เสด็จสวรรคตในปีพุทธศักราช ๒๑๑๑ ทรงครองราชสมบัติ ครั้งที่ ๒ รวม ๔ ปีฝ่ายพม่าจึงออกอุบายเกลี้ยกล่อมให้สมเด็จพระมหินทราธิราช ยอมเป็นไมตรี โดยมีข้อแลก เปลี่ยน คือ ขอตัวพระยาราม ผู้มีความสามารถรับผิดชอบการรักษาพระนครอย่างเข้มแข็ง เป็นตัวประกัน สมเด็จพระมหินทราธิราช ทรงยินยอมมอบตัวพระยารามแก่พม่า แต่ทางพระเจ้าบุเรงนองกลับเร่งยกกำลังเข้าตีกรุงศรีอยุธยาหนักขึ้น ขณะนั้นใกล้ฤดูน้ำหลาก แต่ยังไม่สามารถตีกรุงศรีอยุธยาได้พระเจ้าบุเรงนองได้ทำอุบายให้พระยาจักรีที่ขอไปเป็นตัวประกัน ฝ่ายพระยาจักรีด้วยต้องการให้สงครามครั้งนี้สร้างความเสียแก่กรุงศรีอยุธยาน้อยที่สุด จึงจำยอมเป็นไส้ศึก ลอบเข้ากรุงศรีอยุธยาสมเด็จพระมหินทราธิราช เห็นว่าพระยาจักรีเคยเป็นแม่ทัพ ที่มีความสามารถในการศึก จึงให้เป็นผู้จัดการป้องกันพระนครศรีอยุธยา พระยาจักรีจึงออกอุบายทำให้ทัพกรุงศรีอยุธยาอ่อนแอลงทัพพม่าจึงตีหักเข้าพระนครศรีอยุธยาได้ เมื่อวันที่ ๗ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๑๑๒ หลังจากล้อมพระนครศรีอยุธยาไว้ถึง ๙ เดือนฝ่ายพม่าได้เชิญสมเด็จพระมหินทราธิราช พระบรมวงศานุวงศ์ ขุนนางน้อยใหญ่ และเข้ายึดทรัพย์สินกับกวาดต้อนผู้คน กลับกรุงหงสาวดีเป็นจำนวนมากสมเด็จพระมหินทราธิราชทรงพระประชวร แล้วเสด็จสวรรคตระหว่างทางไปกรุงหงสาวดี ในปีพุทธศักราช ๒๑๑๒ ทรงครองราชสมบัติรวม ๑ ปี พระชนมพรรษา ๓๐ พรรษา
มีอะไรอับเดตลงให้ด้วยนะครับ
ตอบลบ